นิ้วล็อค…ทรมาน ระวังกันด้วย

blank

นิ้วล็อคเป็นอาการที่เรามักไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าที่ควร จนกระทั่งมันเกิดขึ้นแล้วจึงค่อยหาวิธีแก้ไข นั่นก็เพราะเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและไม่มีสัญญาณเตือน 

นิ้วล็อคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยทั้งคนที่ทำงานออฟฟิศ ซึ่งต้องใช้นิ้วมือในการทำงาน เช่นการพิมพ์คีย์บอร์ด คนที่ใช้สมาร์ตโฟนบ่อย ๆ ยิ่งถ้าใช้นาน ๆ อาจพบอาการนิ้วล็อคได้ นอกจากนั้นในหญิงวัยกลางคนอายุ 40 ขึ้นไปอาจมีโอกาสเกิดโรคนิ้วล็อคขึ้นได้เช่นเดียวกัน

ซึ่งหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าโรคนิ้วล็อคนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

คำตอบก็คือนิ้วล็อคเกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นนิ้วบริเวณฝ่ามือตรงตำแหน่งโคนนิ้ว ทำให้ขยับนิ้วได้ไม่ดี เมื่องอนิ้วแล้วไม่สามารถงอกลับคืนได้ เหมือนนิ้วถูกล็อคไว้ แล้วพฤติกรรมใดบ้างที่นำไปสู่อาการดังกล่าว

  1. ผู้ที่ใช้มือในการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ หนักเกินไป
  2. ผู้ที่ใช้มือทำงานอย่างต่อเนื่องนานเกินไปโดยไม่พัก เช่น พนักงานออฟฟิศ ช่างทำผม ทันตแพทย์เป็นต้น
  3. ผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือต่อเนื่องนานเกินไป
  4. ผู้ที่ใช้นิ้วพิมพ์งานนานเกินไปโดยไม่พัก
  5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคเบาหวาน โรครูมาตอยด์ โรคไต

blank

อาการของโรคนิ้วล็อค แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่

ระยะที่ 1 มีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ เมื่อกดบริเวณฐานนิ้วมือด้านหน้าจะมีอาการปวดเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีอาการสะดุด

ระยะที่ 2 มีอาการสะดุดเวลางอ หรือ ขยับนิ้ว

ระยะที่ 3 งอนิ้วมือลงแล้วมีอาการติดล็อคเหยียดออกเองไม่ได้ต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยแกะหากเป็นมากจะงอนิ้วลงเองไม่ได้

ระยะที่ 4 มีการอักเสบ ปวดและบวมของนิ้วมือไม่สามารถเหยียดนิ้วให้ตรงได้

 

การรักษาโรคนิ้วล็อค

แท้จริงแล้วการรักษาอาการนี้มีหลายวิธี โดยแต่ละวิธีจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและอาการ

  1. นวดเบา ๆ และประคบน้ำร้อน ทำกายภาพบำบัด หรือใช้เครื่องดามนิ้ว
  2. บริหารเหยียดนิ้วทุกวันออกกำลังกายเพื่อยืดเส้นทำให้นิ้วเคลื่อนที่ได้เป็นปกติ
  3. ให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ลดบวม เช่น ยากลุ่ม Nsaids หากอาการปวดยังไม่รุนแรงมากอาจให้ยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดเบื้องต้นได้
  4. ฉีดยาสเตอรอยด์เพื่อลดการอักเสบ บวมของเส้นเอ็นโดยแต่ละนิ้วที่เป็นไม่ควรฉีดเกิน 2 – 3 ครั้ง
  5. การผ่าตัดเพื่อตัดปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาอยู่ให้เปิดกว้างขึ้นทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนที่ได้สะดวก

blank

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดนิ้วล็อค

  1. อย่าหิ้วของหนักเกินไป ให้ใช้วิธีการอุ้มหรือใช้รถเข็นช่วย
  2. ใส่ถุงมือ หรือใช้ผ้าช่วย กรณีที่ต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เลื่อย ค้อน ไขควง ในการทำงาน
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือในการทำกิจกรรม เช่นการซักผ้า และ การบิดผ้าแรง ๆ ด้วยมือ 
  4. หากมีความผิดปกติของข้อหรือเกิดการเมื่อยล้าของมือในตอนเช้าให้แช่น้ำอุ่นและขยับข้อมือ กำมือ แบมือน้ำเบา ๆ 5 – 10 นาที
  5. ห้ามดัดนิ้วเล่นเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็น
  6. หากเกิดอาการนิ้วล็อคควรงดใช้งาน และทำการรักษา

อย่าเพลินกับการใช้นิ้วของคุณทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสไลด์หน้าจอมือถือของคุณเป็นเวลานานเกินไปจนเกิดอาการนิ้วล็อคขึ้นนะครับ พักบ้าง ป้องกันดีกว่ารักษาครับ