โรคหวัดในเด็ก (Common cold in children)

blank

โรคหวัดในเด็กเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุดสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส เช่น Rhinovirus  , Influenza virus มักมีอาการไม่รุนแรงทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของเชื้อไวรัส  โรคนี้มักพบบ่อยในฤดูหนาวที่มีอากาศเย็นและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำโดยเด็กมีโอกาสเป็นหวัดปีละประมาณ 6 – 8 ครั้งและจะพบน้อยลงเมื่อโตขึ้นส่วนผู้ใหญ่พบได้ปีละประมาณ 2 – 3 ครั้ง โดยชายและหญิงมีโอกาสเกิดโรคได้พอๆกันนะคะ

blank

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมีดังนี้

  • สภาพอากาศ หากอากาศเย็นและความ ชื้นสัมพัทธ์ต่ำจะมีโอกาสเกิดโรคสูง
  • การอยู่ในที่ชุมชนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโรคหวัด
  • ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคหวัดเช่น อยู่ในโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก
  • ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง

อาการของโรคเป็นอย่างไร

  • ในเด็กทารกและในเด็กเล็ก: ระยะแรกมักจะมีอาการไข้ โดยตรวจไม่พบความผิดปกติอื่นๆ ต่อมาก็จะเริ่มมีน้ำมูกไหล ไอ จาม ร้องกวน และน้ำมูกจะทำให้เกิดการหายใจลำบาก อาจมีอาการอาเจียน และท้องร่วงร่วมด้วยในเด็กบางคน
  • เด็กโตจะเริ่มด้วยอาการจาม คอแห้ง ปากแห้ง บางคนมีอาการหนาวๆร้อนๆและปวดเมื่อยตามตัว ตามมาด้วยน้ำมูกไหลซึ่งในระยะแรกจะเป็นน้ำมูกใสๆ ต่อมาจะปนสีเหลืองหรือเขียวหรือเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนนั่นเอง

อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 2 ถึง 7 วัน ถ้ามีอาการนานกว่านี้ให้สงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน หรือมีสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โรคหวัด โดยทั่วไปโรคหวัดในเด็กถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ มักจะหายเอง ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่ถ้ามีอาการหวัดนานเกิน 7 วันแล้วไม่หาย ควรต้องรีบนำเด็กไปพบแพทย์นะคะ

blank

การรักษาทำอย่างไร

โรคหวัดนั้นไม่มีการรักษาจำเพาะแพทย์จะใช้วิธีรักษาประคับประคองตามอาการเช่น

  • ให้ยาลดไข้และเช็ดตัวลดไข้ กรณีมีไข้ 
  • ให้ยาที่ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้นเพื่อให้หายใจสะดวก 
  • ให้น้ำเกลือ (Normal saline)สำหรับ หยอดจมูกเพื่อล้างน้ำมูกที่เหนียวออกจากโพรงจมูก 
  • ในเด็กเล็กๆจะให้ยาหยอดจมูกก่อนกินนมหรือก่อนนอนเพื่อให้เด็กหายใจคล่อง 
  • ให้ยาลดน้ำมูก/ยาแก้แพ้
  • ให้ยาละลายเสมหะ/ยาขับเสมหะ
  • ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่

ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาให้ยาเป็นรายๆไปค่ะ